Pages

เที่ยวพุกาม (Bagan) Episode นี้ Episode เดียว ขี่มอไซค์เที่ยว ตะลุยทุ่งเจดีย์บากัน...ที่ฉันฝันหา

สวัสดีครับ หลังจากพาทัวร์ยุโรปกันมาหลายทริปแล้ว คราวนี้ขอพาไปทัวร์โซนเอเชียสวยๆ กันบ้าง
ทริปไปเที่ยวพุกาม ประเทศพม่านี้ อาศัยจังหวะแค่ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ (ลางานครึ่งวันบ่ายวันศุกร์) หรือไปช่วง Long weekend ก็สามารถทำได้สบายๆ ครับ

English version coming soon...


เริ่มจากการออกเดินทางโดยเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไฟลท์เย็นของ Air Asia ครับ รอบ 16:20 ถึง 17:05 แล้วไปรอต่อรถบัสไปพุกามรอบ 2 ทุ่มครึ่งครับ (ตรงนี้แถมนิดนึงว่าถ้าใครจะลาทั้งวัน บินไปเร็วแต่เช้า ก็สามารถทำ One day trip ในย่างกุ้งก่อนนั่งรถบัสไปพุกามก็ได้ครับ)
ลองทดสอบเลนส์ใหม่ 70-200 ที่พึ่งได้มาจาก King Power ช่วงวันเกิดลด 30% พอดี กับทริปแรก ลองส่งเครื่องบินที่สนามบินเล่นๆ ระหว่างรอเครื่องครับ




มาถึงสนามบินย่างกุ้งแล้ว ต้องไปสถานีรถบัสต่อครับ ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากจากสนามบินครับ ใครแลกเงินมาแล้วก็ดีไป ใครยังไม่แลกกะมาแลกที่สนามบิน ก็อย่าลืมใช้แบงค์ดอลล่าร์ใหม่นะครับ ตามฉบับของพม่าเค้า แบงค์เก่าไม่รับ แต่แบงค์ที่ให้เรากลับมานี่คือ...เอิ่ม...#ขอใบใหม่ๆมั่งได้มั้ย
สถานีรถบัสอยู่ไม่ไกลมากจากสนามบินครับ ประมาณครึ่งชม จากสนามบิน สามารถต่อแทกซี่มาได้เลย ไม่น่าจะเกิน 5,000 จ๊าด (ประมาณ 125 บาท) ส่วนของเรามีรถเพื่อนที่ทำงานที่นู่นมารับครับ เลยประหยัดไปได้


เราเลือกรถของทาง Elite ครับ รถยี่ห้อนี้มีไปทั่วพม่า ย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ Pyin Oo Lwin (Maymyo) พุกาม (Bagan/Nyaung-U) ตองจี (Inle) เนปิดอ Monywa เมาะลำไย เราเลือกรถยี่ห้อนี้เพราะเป็นรถนอน ที่นั่งกว้างเหมือน Business Class มีจอทีวีส่วนตัว มีหนังให้ดู มีเกมส์ให้เล่น ที่นั่งสองฝั่งจะเป็น 2 ที่นั่งทางขวา กับ 1 ที่นั่งทางซ้ายเพื่อให้เก้าอี้สามารถขยายได้กว้างครับ มีที่รองขายกขึ้นมาได้ เบาะปรับเอนนอนได้เกือบเป็นแนวราบ นอนสบายมว้ากกกกก หลับยาวกันเลยทีเดียว รีบไปรีบจองนะครับ เดี๋ยวเต็ม รถออกจากย่างกุ้งไปพุกามเวลา 2 ทุ่มครึ่งครับ ควรไปถึงก่อนเวลานะครับ เพราะเรายังไม่มีตั๋ว อย่ามัวไปเถลไถลที่ไหน ราคาค่าตั๋ว 20,800 จ๊าด (520 บาท) ต่อคนครับ





ระหว่างทาง รถจะมีแวะพักแถวๆ เนปิดอนะครับ ประมาณครึ่งทาง ให้ลงมาเข้าห้องน้ำ หาอะไรกินกัน ส่วนเรากินไม่ไหวแล้วครับ เพราะขึ้นรถมา เขาก็แจกขนม 2 ชิ้น น้ำส้มอีกขวด น้ำดื่มอีกขวด พร้อมนอนยาวละครับ อีกอย่างคือซัด KFC ซิงเกอร์เบอร์เกอร์แบบไก่เผ็ดจี๊ด ที่ไม่มีที่ไทย จากสนามบินย่างกุ้งมาเรียบร้อยแล้วครับ

ประมาณตี 5 ครึ่งของเช้าวันเสาร์เราก็มาถึงพุกามกันละครับ และแน่นอนว่าตามธรรมเนียมของพม่า ลงมาปุ้บ แทกซี่ปรี่เข้าหาปั้บ สำหรับโรงแรมที่เราจองชื่อ Kumudara ห้องละ 56 เหรียญต่อคืน (ประมาณ 1,900 บาท) อยู่บริเวณ New Bagan หรือ โซนพุกามใหม่ครับ แทกซี่บอกคิดคนละ 5,000 จ๊าด ระยะทางประมาณ 11 กิโลเมตรครับ รู้สึกว่าแพงไปนิด เลยลองต่อดู เค้าไม่ยอมลดให้เลยครับ เรามาแบบไม่ได้มีแพลนอะไรมาก คิดกันไปคิดกันมาเลยคิดว่า น่าจะรีบไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันก่อนเข้าโรงแรมครับ นี่ก็ใกล้เวลามากแล้ว เลยถามแทกซี่ราคาเหมาทั้งวันไปเลยดีกว่าครับ เพราะเดี๋ยวจะมีออกไปเที่ยว Mount Popa กันด้วย ซึ่งห่างออกไปจากพุกามประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วกลับมาเที่ยวเจดีย์ในเมือง ส่วนเย็นก็ต้องไปรอชมพระอาทิตย์ตกดินอีก หมดนี่ถามแทกซี่คิดเท่าไหร่ เค้าให้คนละ 25,000 จ๊าด (ประมาณ 625 บาท หรือ 20 เหรียญต่อคน) รวม 4 คนก็ 80 เหรียญสำหรับทั้งวันครับ เนื่องจากกลัวไปไม่ทันพระอาทิตย์ขึ้นถ้ามัวแต่ต่อราคา ก็เลยเออออห่อหมก แล้วรีบไปกันดีกว่าครับ

ระหว่างทางเข้าเมืองจะมีด่านเก็บตังค์นักท่องเที่ยวค่าเข้าเมืองพุกามคนละ 25,000 จ๊าดนะครับ ไม่ต้องแปลกใจ
สำหรับที่แรกที่แวะไปชมพระอาทิตย์ขึ้นในวันนี้คือที่เจดีย์ Winido ครับ เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถบัส และเราต้องทำเวลาก่อนแสงแรกจะมาครับ เจดีย์นี้ทางขึ้นเป็นซอกค่อนข้างแคบ บันไดชันนิดนึง ผู้สูงอายุอาจลำบากหน่อยนะครับ ต่อไปจะเริ่มเข้าสู่โหมดรูปกันรัวๆ ละนะครับ





ต่อจากนั้นหันมาอีกด้านของเจดีย์ ก็จะพบกับกลุ่มบอลลูนครับ ค่าขึ้นบอลลูนคนละประมาณ 300 เหรียญ หรือ 10,000 บาท เราเลยขอบายครับ ราคาโหดปั๊ยยยย







หลังจากนั้นปีนลงจากเจดีย์ก็มุ่งหน้าฝากกระเป๋าที่โรงแรมกันก่อนครับ ระหว่างทางทำให้เรามาพบความจริงที่ว่า แบตกล้องเราที่พกมา 3 ก้อน ก้อนในกล้องเหลือขีดเดียว ส่วนแบตสำรอง 2 ก้อน หมดเกลี้ยงเลยครับ ชะล่าใจไม่ได้ตรวจดูก่อนมา น่าจะเป็นเพราะกลับมาจากทริปที่ผ่านมาแล้วไม่ได้ชาร์จ ซวยละครับทีนี้ ทริปพุกามของโผ้มมมมมมมม...ทำไมมันจะต้องมีเรื่องให้ไม่สบายใจกันทุกทริปเลย

คิดได้ดังนั้นจึงรีบวางแผนชาร์จแบตกล้อง โดยกะจะขอชาร์จแบตทิ้งไว้ที่โรงแรม เสร็จแล้วออกไปกินข้าวเช้ากันก่อน แล้วกลับมาเอาแบต แล้วค่อยออกไปเที่ยว Mount Popa กัน คิดได้ดังนั้นก็มีความหวังขึ้นมาเล็กๆ ครับ หลังจากฝากชาร์จแบตกับทางโรงแรมเรียบร้อย ก็มาบอกแทกซี่ให้พาไปทานข้าวใกล้ๆ แล้วเดี๋ยวกลับมาเอาแบต ปรากฏว่าแทกซี่ไม่ยอมครับ 555 นางบอกว่าร้านอาหารใกล้ๆ แถวนี้ยังไม่เปิด ต้องไปร้านอาหารที่เปิดตอนเช้าที่อีกเมืองนึงครับ คือเมือง Nyaung-U และนางบอกให้เราเอาไปชาร์จที่ร้านอาหารได้เลย

อาหารเช้าวันนี้เป็นข้าวผัดไก่ ไข่ดาวครับ สั่งง่ายๆ นี่ล่ะ สั่งเสร็จก็หันหน้าไปหาปลั๊กไฟทันทีเพื่อชาร์จแบต ปรากฏ...ไฟดับทั้งบางครับ โอยยยยย อะไรมันจะซวยซ้ำซวยซ้อนกันขนาดนี้ ความหวังตั้งกล้องถ่ายเจดีย์ในทริปนี้ของเราเริ่มริบหรี่ กินเสร็จก็เรียก ชิเหม่ ให้เก็บตังค์ในภาษาพม่าครับ ปรากฏ ไฟมา!!! ช่างพอดีอะไรอย่างนี้ ตอนกินชาร์จไม่ได้ ตอนจะไป ไฟมา เห้ออออ ให้มันได้อย่างงี้สิ พม่า

ตัดภาพกลับมาที่แทกซี่ที่รอเราอยู่ครับ ปรากฏว่าออฟฟิศบริษัทเค้าอยู่ข้างๆ ร้านอาหารร้านนี้พอดี และเค้าเชิญเราเข้าไปนั่งข้างในก่อนครับ เค้าเสนอว่าให้รอดูขบวนเฉลิมฉลองการบูรณะเจดีย์ชเวสิกองเสร็จส้นครับ ซึ่งจะมีเพียงทุกๆ 5-10 ปีเท่านั้น เราเลยตัดสินใจรอดูก่อนครับ แล้วค่อยออกไป Mount Popa ในที่สุดก็ได้ชาร์จแบตจริงจังซะที ที่ออฟฟิศแทกซี่เค้าครับ ดีใจร้องไห้ T.T ขบวนเฉลิมฉลองยาวพอสมควร และหมือนจะมีดาราด้วยครับ คนพม่ารุมถ่ายรูปกันเต็มเลย







รอดูอยู่จนเกือบๆ 10 โมง แบตชาร์จได้ที่เกือบเต็ม ก็เตรียมตัวออกไป Mount Popa ใช้เวลา 1 ชั่วโมงถึงครับ แต่เราจะยังไม่ไปที่ Mount Popa เราแวะ Popa Mountain Resort ซึ่งเป็นทางแยกไปอีกทางก่อนถึง Mount Popa เพื่อไปถ่ายวิวมุมสูงครับ โรงแรมนี้ทั้งร้านอาหารและสระว่าน้ำจะเห็นวิว Mount Popa ด้วยครับ ค่าเข้าไปถ่ายรูปก็ 2.5 เหรียญ แต่ถ้าเข้าไปกินในร้านอาหารเค้า ขาออกมาขอ Refund เงินค่าเข้า 2.5 เหรียญคืนได้ครับ อย่าลืมเก็บบิลมา ได้รูป Mount Popa จากมุมสูงมาครับ



สถานีต่อไปคือ Mount Popa ครับ แทกซี่บอกว่าทางเข้าขาด ไม่สามารถเอารถเข้าไปได้ ต้องต่อมอเตอร์ไซค์ ขาละ 500 จ๊าด ต่อคนเข้าไป ใครอยากเดินเข้าไปก็ได้นะครับ แต่ไกลอยู่ เก็บแรงไว้ปีนบันไดเกือบๆ 800 กว่าขั้นดีกว่า ระหว่างทาง ก็จะเจอฝูงลิงครับ ไปเรียกมันเจอมันแยกเขี้ยวใส่เลยครับ ดุทีเดียว อย่าไปยุ่งกับมันเชียว


ใกล้ถึงละครับ



มาถึงด้านบนละครับ ไหว้พระรัวๆ



วิวด้านบนครับ

ขากลับลงมาอีกเกือบ 800 ขั้น ขาลงค่อยยังชั่วหน่อยครับ จ่ายค่ามอเตอร์ไซค์อีก 500 จ๊าด ก็ถึงรถ แล้วเราก็ตรงดิ่งกลับเข้าเมืองกันไปที่เจดีย์ ชเวสิกอง 1 ใน 5 มหาสถานของพม่าก่อนเลย





หลังจากนั้นก็เป็น เจดีย์บูพญาริมน้ำครับ




ต่อด้วยเจดีย์ที่สูงที่สุดในพุกาม Thatbyinnyu หรือ เจดีย์สัพพัญญู สูงประมาณ 61 เมตร ครับ


เริ่มตกเย็นแล้ว เดี๋ยวจะต้องทำเวลาไปดูพระอาทิตย์ตกกันต่อ เราแวะที่สุดท้ายคือ เจดีย์อนันดาครับ


หลังจากนั้นใกล้ๆ 5 โมงเย็นก็ได้เวลาไปจับจองพื้นที่กันที่เจดีย์บูเลติ เพื่อชมวิวนี้ครับ ได้ใช้เลนส์เทเลตัวใหม่เต็มที่เลยทีเดียว ซูมเข้าไปครับ





ยามอาทิตย์อัสดง








เสร็จก็ได้เวลากลับโรงแรมละครับ เก็บของเข้าห้องเรียบร้อย ก็เตรียมเดินออกมาทานข้าวเย็นกัน
เราทานข้าวกันที่ร้าน 7-sister ครับ เดินประมาณ 10 นาที จากโรงแรม มื้อเย็นครับ รสชาติใช้ได้ทีเดียว





กลับไปโรงแรมก็แจ้งที่ Reception ครับ ว่าพรุ่งนี้เราจะไปแว๊นกัน รถมอเตอร์ไซค์สำหรับนักท่องเที่ยวจะเป็น E-bike นะครับ ใช้พลังงานไฟฟ้า ขอรถตั้งแต่ตี 5:15 ครับ เพราะต้องไปจับจองที่ดูพระอาทิตย์ขึ้น ค่าเช่ารถทั้งวันอยู่ที่คันละ 10,000 จ๊าดครับ นั่งได้ 2 คน ส่วนขากลับย่างกุ้งคืนนี้เราบินกลับครับ รอบ 18:30 น. เลยให้โรงแรมเรียกแทกซี่ไว้ให้ตอน 16:30 น. เค้าคิด 10,000 จ๊าดครับ

เช้าวันถัดมาเรามีเป้าหมายอยู่ที่เจดีย์ Myauk Guni เพื่อดูแสงเช้าครับ จริงๆ เค้าไปดูกันที่เจดีย์ Shwesandaw กัน แต่เนื่องจากเจดีย์ปิดซ่อมแซม จึงหาเจดีย์ใกล้ๆ แทน นั่นคือ เจดีย์ Myauk Guni นี่ล่ะครับ เจดีย์นี้เข้าได้ 2 ทาง ครับ เราเลือกเข้าทางเจดีย์ Shwesandaw ซึ่งเคยเปิดให้ขึ้นชมได้ แต่แล้วก็มีมอเตอร์ไซค์คนพม่าขับตามมาครับ ถามว่าจะไปไหน เดี๋ยวเค้าพาไป นั่นแน่...มาหาเงินกะเราแน่เลย เค้าบอกว่าทางนี้ไปไม่ได้ มันไม่มีถนน ต้องไปเข้าอีกทางนึง งงกันอยู่พักนึง เพราะเปิด google map คิดว่ามาถูกทางแล้ว แต่เนื่องจากเวลาเริ่มบีบครับ แสงเช้าเริ่มมาแล้ว เลยตกลงปลงใจให้เค้าพาไปก็ได้ สุดท้ายเค้าพาไปเข้าทางเจดีย์ Dhammayan Gyi ครับ ให้ไป 2,000 จ๊าด ตอนแรกเค้าจะขอให้เราซื้อรูปซึ่งคงแพงกว่านี้เยอะ ให้เงินไปเฉยๆ ดีกว่า

และแล้วก็มาถึง และต้องขึ้นบันไดชันๆ ไปอีกตามเคยครับ เพื่อวิวนี้











ดูแสงเช้าและบอลลูนหมด ก็บึ่งกลับโรงแรมไปกินข้าวเช้ากันก่อนครับ พร้อมอาบน้ำ และ Check-out แล้วทิ้งของไว้ที่โรงแรมเลยครับ

แพลนวันนี้คือแว๊นเข้าตะลุยทะเลเจดีย์ครับ เราวิ่งออกจากโรงแรมทางซ้ายล่างของแผนที่ แล้ววนรอบทะเลเจดีย์ตามเข็มนาฬิกาเป็นวง แวะเที่ยวตามเจดีย์ทางผ่านต่างๆ ครับ เจดีย์หลักๆ ที่แวะเที่ยว จะเป็นถนนเส้นเล็กตามถนนหลักเส้นบน Anawrahta ของแผนที่ครับ ส่วนตรงที่เราปักหมุดไว้ตรง Unnamed road คือ ถนนที่เป็นอุโมงค์ต้นไม้ครับ ไปถ่ายรูปเล่นกันมา


เริ่มออกเดินทางจากโรงแรมอีกรอบ หลัง Check-out ประมาณ 10 โมงเช้าครับ วนไปเรื่อยๆ เลย
เริ่มจากเจดีย์ Lawka Nanda





วนกันไปเรื่อยๆ ตามเจดีย์ย่อยต่างๆ ครับ ทำให้สามารถมองเห็นเจดีย์อื่นๆ ในระยะใกล้ได้โดยรอบ










ลองวนไปที่เจดีย์ Shwesandaw ดูครับ ปรากฏว่าปิดซ่อมแซมจริงๆ ด้วย


หลังจากนั้นเราลองวิ่งเส้นที่เมื่อเช้าเราจะเข้าไปกันแล้วโดนคนพม่าห้ามไว้ ปรากฏว่ามีทางไปครับ แต่พื้นมีช่วงที่เป็นพื้นทรายล้วน แบบหาดทรายเลยครับ ถ้าใครเคยขับบนทราย จะรู้ดีว่ารถมันไถล หน้าปัด คุมรถไม่ได้ จึงเข้าใจคำว่า ไม่มีถนน ของเค้าแล้วล่ะครับงานนี้ และบางช่วงของเส้นทางนี้ก็ขนาบสองข้างด้วยต้นกระบองเพชรครับ บวกกับเป็นพื้นทรายอีก ความกว้างของทาง 1 เมตร กว่าๆ เกือบไม่รอดครับ จะจูบพื้นไม่ก็กระบองเพชรไปหลายทีมาก


หลังจากพ้นมาได้ก็มาถึงแถวเจดีย์ Dhammayan Gyi ครับ สาบานกับตัวเองว่าจะไม่วิ่งออกไปทางเก่าแล้ว 555



เวลาเริ่มกระชั้นเข้ามาทุกที ปาเข้าไปบ่าย 2 แวะเที่ยวอีกเจดีย์นึงก่อนพักเบรคกินข้าวครับ







เราก็พักกินข้าวกันที่แถวเมือง Nyaung-U กันครับ ชื่อร้าน Weather Spoon ครับ


เนื่องจากอาหารมาไม่เร็วนัก จึงเหลือเวลาให้เราเที่ยวอีกไม่นาน เพราะ 16:30 น. ต้องไปถึงโรงแรมเพื่อขึ้นรถไปสนามบินล่ะครับ เราจึงไปแวะที่อุโมงค์ต้นไม้เพื่อถ่ายรูปเล่นกัน




หลังจากออกจากอุโมงค์ตันไม้ มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของเราที่แฟนซ้อนมาด้วย ก็ออกอาการแบตหมดละครับ เวลาเร่งเครื่องมากๆ แบตลงไปแตะที่ขีดศูนย์เลย ตอนนี้ทำความเร็วสูงสุดได้เพียง 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง น้องที่ไปด้วยเลยเสนอว่าคงเป็นเพราะนั่ง 2 คน แบตเลยหมดเร็วกว่าคันที่นั่งคนเดียว เลยเกิดการสลับรถกันขึ้นระหว่างทางครับ เรากับแฟนไปขับคันที่แบตเหลือเกินครึ่ง ส่วนน้องที่ไปด้วยมาขับคันเราซึ่งแบตแตะอยู่ที่ 0-1 ขีด (จาก 6 ขีด) ระยะทางกลับไปโรงแรมก็อีกประมาณ 8 กิโลเมตรครับ จริงๆ ขากลับโรงแรม กะจะแวะวัดระหว่างทาง แต่สงสัยคงทำไม่ได้แล้ว เพราะแบตรถเหลือน้อย ยิ่งทางขึ้นเนินนี่ รถที่แบตใกล้หมดเร่งไม่ได้เลยครับ ต้องใช้ขาช่วยดันเอา
ทำไปทำมาสุดท้ายไปถึงโรงแรม 4 โมงเย็นพอดีครับ รถคันที่แบตจะหมด มาหมดเอาตรงทางเข้าหน้าโรงแรมพอดิบพอดี ต้องขอบคุณน้องเค้าที่เปลี่ยนรถให้เรากันยกใหญ่ ไม่งั้นได้รถตายกลางทาง กลับมาไม่ทันขึ้นเครื่องบินกลับเป็นแน่

กลับถึงโรงแรม เหงื่อแตกกันทุกคน เลยขอเค้าอาบน้ำ เค้าเปิดห้องให้อาบด้วยครับ ใจดีมากๆ โรงแรมนี้ ผลัดกันอาบเสร็จ 4 โมงครึ่งพอดี ก็นั่งรถกลับออกไปสนามบินครับ เราจองของ Golden Myanmar เป็นเครื่องบินใบพัด ราคาคนละ 3,170 บาทต่อเที่ยวครับ ออก 6 โมงครึ่ง ถึงย่างกุ้ง 1 ทุ่มครึ่งครับ ออกมาจากสนามบิน Domestic ที่ย่างกุ้ง แล้วเดินไปขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ ที่ Terminal International รอบ 3 ทุ่ม หรือ 3 ทุ่มครึ่งกันต่อได้พอดีเลย มีทั้ง นก หางแดง สิงโต เลือกกันได้ตามสะดวก กว่าจะถึงบ้านก็ 5 ทุ่มเที่ยงคืนของค่ำวันอาทิตย์พอดีครับ พรุ่งนี้เช้าเตรียมออกไปทำงานต่อได้

เป็นไงบ้างครับ กับทริปเสาร์-อาทิตย์สั้นๆ ของเรา แนะนำเลยครับ ใช้เวลาไม่เยอะ แต่เที่ยวคุ้มมากกกก ขอจบทริปนี้ด้วยภาพชเวดากองซูมเอาตอนกลางคืนครับ แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้าครับ



ภาพเบื้องหลังการถ่ายทำรูปสวยๆ ครับ



 

DJourney

No comments:

Post a Comment

Instagram