Pages

เที่ยว Great Barrier Reef พาไปขี่ Scooter ใต้น้ำ ที่แนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดในโลกกันนน

สวัสดีกันอีกครั้งครับ รอบนี้จะพาไปเที่ยว เยี่ยมชมโลกใต้น้ำที่ประเทศ ออสเตรเลีย (Australia) กันนะครับ ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่า ไม่มีสกิลดำ Scuba diving แต่อย่างใดครับ ดำแบบก๊อกๆ แก๊กๆ ไปเรื่อยเปื่อย ตอนวางแผนไปก็อดเสียดายไม่ได้ที่ตัวเองน่าจะฝึกดำน้ำลึกก่อนไปดูแนวประการังที่โลกใต้น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกกัน ไปทั้งทีจะได้ลงไปดูให้คุ้มหน่อยเนอะ เกริ่นเรื่องการเดินทางกันสักนิด สำหรับ Great Barrier Reef นั้น สังกัดอยู่ที่รัฐ Queensland ทางภาคอีสานของประเทศออสเตรเลียนั่นเอง มีเมืองหลวงรัฐคือเมือง บริสเบน (Brisbane) ส่วนเมืองที่ว่ากันว่าเป็นเมืองหน้าด่าน หรือประตูสู่ Great Barrier Reef คือเมือง Cairns (เคร์น) ครับ เรามุ่งหน้าสู่ประเทศออสเตรเลีย โดยก็ต้องแวะเที่ยวกันที่เมือง บริสเบน และโซน Gold Coast กันก่อน หลังจากนั้นจึงบินไปเมือง Cairns เพื่อลงไปขับ Scooter ใต้น้ำดูแนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดในโลก Great Barrier Reef ปิดท้ายกันครับ

English version coming soon...




ก่อนจะไปลงน้ำกัน ขอพาเที่ยวบนบกแถบนี้ก่อนนะครับ น่าสนใจไม่แพ้โลกใต้น้ำเลยทีเดียว เราเริ่มต้นเดินทางจากสุวรรณภูมิ มุ่งหน้าสู่เมืองบริสเบน โดยไปเปลี่ยนเครื่องที่ไต้หวันครับ เป็นครั้งแรกกับสายการบินนี้ และคงเป็นครั้งสุดท้ายละครับ ประสบการณ์ที่ได้รับจากทริปนี้ จากสายการบินนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เรื่องบางเรื่องยังจัดการสู้ Low Cost airline ไม่ได้เลย เดี๋ยวค่อยบ่นให้ฟังอีกทีนะครับ เดี๋ยวจะเสียบรรยากาศการเที่ยว ที่จองสายการบินนี้เพราะแพลนทริปแบบล่วงหน้ากันแค่สองเดือนครับ ตั๋วโปร (แบบยังไม่ถูกมาก) ของสายการบินนี้หลุดมาพอดี ก็เลยจองไปครับ

สำหรับวีซ่าประเทศออสเตรเลีย เป็นระบบออนไลน์หมดแล้วนะครับ กรอกใบสมัครในเวบ https://www.homeaffairs.gov.au/trav/visa/immi และ
https://online.immi.gov.au/lusc/login กันได้เลยครับ ส่วนเอกสารก็สแกนและอัพโหลดขึ้นหน้าเวบเลยครับ สะดวกมากมาย หลังจากเค้าตรวจเอกสารเสร็จ ในเวบก็จะขึ้นบอกให้เราไปเก็บลายนิ้วมือ และถ่ายรูปที่ VFS ครับ หลังจากนั้นกลับมากดยืนยันในหน้าเวบอีกทีว่าไปเก็บลายนิ้วมือ และถ่ายรูปมาแล้ว เป็นอันเสร็จสิ้น เรายื่น 1 เดือนล่วงหน้าก่อนไป (จริงๆ ควรเผื่อเวลาสัก 2-3 เดือนก่อนไปนะครับ) หลังทำทุกขั้นตอนเสร็จเรียบร้อย รอแค่ 3 วันก็ได้แล้วครับ กระทู้นี้รีวิวการขอวีซ่าออสเตรเลียไว้ดีงามมากครับ https://pantip.com/topic/33377717 กราบขอบพระคุณ จขกท มา ณ ที่นี้ด้วย

สภาพอากาศในช่วงที่เราไปคือต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนที่เป็นฤดูฝน ของเค้า ปนๆ กันครับ 555 เท่าที่อ่านมา หน้าร้อนเค้าคือหน้าฝนไปในตัวด้วย ที่เล็งช่วงนี้ไว้ เพราะถ้ามาก่อนหน้านี้น้ำจะเย็นอยู่ครับ ลงน้ำไป หนาวสั่นไปคงไม่สนุกเป็นแน่ ว่าแล้วก็เลยลองเสี่ยงมาช่วงหน้าร้อน + ต้นหน้าฝน ด้วยความหวังว่าฝนจะตกยังไม่เยอะมากครับ สรุปทั้งทริปไป 8 วัน มีฝนจังๆ แค่ 1 วัน ครับ ส่วนวันที่ดำน้ำนั้นฟ้าใสทั้ง 2 วันเล้ยยย โชคดีจริมๆ


เริ่มต้นทริปกันช่วงบ่ายวันเสาร์อันสดใส เช็คอินเรียบร้อย เข้าไปนั่ง King Power Lounge รอเครื่องสบายๆ ครับ ระหว่างนั้นก็เดินหาซื้อกล้องใต้น้ำ Olympus TG-5 ใน King Power ไปในตัวครับ






ได้มาแล้วววว พระเอกสำหรับทริปนี้ ที่มารอซื้อที่ King Power สนามบินเพราะจะปล่อยส่วนลด 25% วันเกิดของบัตร King Power นี่ล่ะครับ ลุ้นอยู่เหมือนกันว่าจะมีของมั้ย ในที่สุดก็ได้มา ด้วยความหวังว่าจะถ่ายออกมาได้อย่างสวยงามครับ สำหรับตัว Housing เราซื้อในงานกล้อง แล้วพกเข้าไปด้วยครับ เท่านี้ก็ดำน้ำลึกไป ถ่ายรูปไปได้อย่างสบายแล้ว


ไปกันต่อดีกว่า ขึ้นเครื่องไปไต้หวันและบริสเบนกันเล้ยยย




สำหรับอาหารบนเครื่อง กรุงเทพฯ-ไทเป เสิร์ฟ 1 มื้อครับ ส่วน ไทเป - บริสเบน เสิร์ฟ 2 มื้อ เครื่องช่วงกรุงเทพฯ - ไทเป จะดูใหม่ และดีกว่าครับ ส่วนเครื่องไทเป - บริสเบนจะหน้าจอเล็กหน่อย ดูจะเหมาะกับการนอนพักผ่อนกันไปยาวๆ มากกว่าครับ เราสั่งกันคนละอย่าง เอามาชิมกันหลายๆ เมนู ทั้งหมด 6 อย่าง สำหรับ 3 มื้อครับ






 


และก็ไม่ลืมที่จะต้องสั่ง Evergreen Special เครื่องดื่มประจำสายการบินนี้


เห็นเมืองบริสเบนละครับ


นอกเรื่องนิดนึง เท่าที่นั่งเครื่องบินเที่ยวช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา หลายสายการบิน รู้สึกประทับใจ Emirates ที่สุดละครับ เครื่องใหม่ ไฉไล ไฮโซ กว่าทุกยี่ห้อ สำหรับเรา การเริ่มต้นทริปที่ดีบนเครื่องบิน มันทำให้บรรยากาศพาไป รู้สึกสนุกตื่นเต้นกับการเดินทางขึ้นมาอีกเป็นกองเลยนะ

...................................................................................................................................................


DAY 1
BRISBANE-GOLD COAST

ถึงเมืองบริสเบนตอน 10 โมงเช้าครับ เวลาดี แต่เราจะยังไม่เที่ยวบริสเบนครับ ไปเที่ยว Gold Coast หนึ่งในชายหาดที่ยาวที่สุดของออสเตรเลียกันก่อนดีกว่า เริ่มทริปด้วยความโมโหที่สนามบินครับ ดูสภาพกระเป๋าใหม่เอี่ยม ออกทริปนี้เป็นทริปแรกของเราสิ



คือบุบอะ ไม่เท่าไหร่ แต่มาบุบตรงตัวล้อคนี่สิ ปัญหาคือ เปิดตัวล้อคไม่ได้ครับ เนื่องจากบุบที่ตัวล้อคพอดี เอาล่ะสิทำไงดี มองไปเห็นแต่เค้าเตอร์เล็กๆ ไว้เคลมกระเป๋าหาย สนามบินไม่ใหญ่มากครับ ไม่เจอเค้าเตอร์สายการบินไว้เคลมกระเป๋าเสียหาย เข้าไปติดต่อด้วยความโมโหเพราะเปิดกระเป๋าไม่ได้ เค้าให้กระดาษใบเล็กมาใบนึง พร้อมเขียนโค้ดไว้เคลม ให้ติดต่อมาทางอีเมล อีกที แค่เนี้ย!!!! คือจะไม่ช่วยอะไรเลยใช่มั้ย (อีเมลที่มันให้มาเนี่ย จนถึงบัดนี้ ติดต่อไป ก็ยังไม่มีคนตอบรับใดๆ กลับมา) ง่วนกับกระเป๋าอยู่พักใหญ่ ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าความโกรธไม่ช่วยอะไร ทำลายบรรยากาศการเที่ยวเปล่าๆ และทำให้เสียเวลาแพลนที่เที่ยวไว้ด้วย คิดได้ดังนั้น ก็หาทางแก้ดีกว่าครับ เมื่อมันช่วยอะไรเราไม่ได้ ก็หาทางแก้เองก็ได้วุ้ย ลองดัดกระเป๋ากลับ ดัดกลับมาได้หน่อยนึง พอเป็นหนทางให้ปลดล้อคกระเป๋า เอาของออกมาได้ ก็พอละครับ ทีนี้ก็เลยเลิกโวย และเดินทางต่อดีกว่า อย่าเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องเลย (อันนี้ไม่รู้ว่ายอมคนง่ายไปรึเปล่านะ จริงๆ เราควรเอาเรื่องให้ถึงที่สุดรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ตัดสินใจไม่ทำ เพราะคงจะเสียเวลาเที่ยวไปทั้งวันเป็นแน่)

เลิกบ่นแล้วไปกันต่อ ออกจากสนามบินทางชั้น 3 ก็เป็นสถานีรถไฟละครับ รถไฟไป Gold Coast รู้สึกจะมีทุกๆ ครึ่งชั่วโมง ค่าตั๋วรถไฟวิ่งยาวสุดสาย Gold Coast อยู่ที่ 33 AUD (25 บาทต่อ 1 AUD ณ ตอนนั้น) ส่วนตั๋ว 3 วัน 5 วันก็มีขายนะครับ รู้สึกจะอยู่ที่ 79 AUD และ 129 AUD ใช้เดินทางได้ทั่วเลยนะ รถไฟ รถบัส เรือก็น่าจะได้ถ้าจำไม่ผิด ใครวางแผนเดินทางเที่ยวลงตัวใน 3 วัน 5 วัน ไปกลับสนามบิน หรือกะจะเที่ยวหลายสวนสนุก แนะนำซื้อตั๋ว 3 วัน 5 วันจะคุ้มและสะดวกสบายกว่าครับ ส่วนเราลองประเมินดูแล้ว แพลนเที่ยวเราจ่ายแยกน่าจะถูกกว่า เพราะกะเช่ารถเที่ยวเองวันนึง และตอนแรกไม่ได้คิดจะไปเที่ยวสวนสนุกด้วย




นั่งไปสักไม่ถึง 2 ชั่วโมง ก็ถึงละครับ เราต้องลงที่ สถานี Nerang นะครับ เพื่อต่อรถบัสเข้าเมือง Gold Coast แถบหาดตรง Surfer Paradise ซึ่งจะเป็นที่พักของเรา 2 คืน ราคารถบัสอยู่ที่ 4.6 AUD ต่อคน รถบัสสาย 740 เข้าหาดครับ


มาถึงเช็คอินเสร็จก็เกือบๆ บ่าย 3 โมง แพลนวันนี้คือเดินเล่นหาด ขึ้นชมวิวเมือง Gold Coast ที่ตึก Q1 แล้วจะกลับลงมาเล่นน้ำที่ Surfer Paradise ถ้ามีเวลาเหลือครับ ที่พักของเราวันนี้ชื่อ Chateau Beachside Resort ครับ ทำเลดีมาก เพราะข้ามถนนเลียบหาดไป ก็ถึงหาดละครับ วิวจากห้องนอนเป็น Surfer Paradise เลย






ไปขึ้นตึก Q1 ชมวิวกันดีกว่าครับ












 หลังจากนั้น ลงมาเดินเล่นชายหาด มีแต่คนเล่นเซิร์ฟครับ เราตัดสินใจไม่ลงกันดีกว่า เพราะคลื่นแรงมาก สมเป็นสวรรค์ของนักเล่นเซิร์ฟจริงๆ คิดอยู่เหมือนกันว่าถ้ามีเวลาอยู่นานกว่านี้จะหาที่เรียน แล้วลงสนามจริงเลย จะได้คุ้มค่าที่อุตส่าห์มาถึง Surfer Paradise















...................................................................................................................................................



DAY 2
WILDLIFE AND GLOW WORM

วันที่สองเราเช่ารถขับใน Gold Coast กันครับ เช่ากับบริษัท Hertz ซึ่งมีเค้าเตอร์เล็กๆ อยู่ข้างในโรงแรม Mantra อีกทีครับ ค่าเช่าจองล่วงหน้ามาอยู่ที่ประมาณ 40 AUD ประกันรถอีก 40 AUD เช่าแค่ 1 วันครับ คุณป้าที่เค้าเตอร์บอกว่า ต้องจองมาล่วงหน้านะครับ เพราะเค้าจะไม่อยู่ประจำที่เค้าเตอร์ตลอดเวลา เค้ามาเฉพาะเวลาที่ลูกค้านัดจองรถเท่านั้น แพลนวันนี้คือ เที่ยวตามหาดต่างๆ แล้วไปอุ้มหมีโคอาล่ากัน แล้วไป National Park กับดูหนอนเรืองแสงครับ สำหรับสภาพรถนั้น ดูดีทีเดียว


ว่าแล้วก็เริ่มขับรถลงไปทางใต้ของ Gold Coast กันครับ ผ่านหาด Long Beach, Miami Beach หาดแถบ Currumbin แถบนี้คนเล่นเซิร์ฟกันหมดเลยครับ ถ้ามองกลับไปจะเห็นตัวเมือง Gold Coast อันสวยงาม โดยมีฉากหน้าเป็นหาดทราย และ น้ำทะเลครับ ต้องอาศัยเลนส์ Tele หนักหน่อยครับวันนี้ ทั้งซูมเมือง ซูมคนเล่นเซิร์ฟ









เมื่อมาถึง Currumbin แล้ว ก็ต้องแวะเข้าสวนสัตว์ Currumbin Sanctuary Wildlife ครับ เป้าหมายอยู่ที่การอุ้มหมีโคอาล่า ค่าเข้าอยู่ที่ 49.95 AUD ต่อคนครับ ตรงนี้แอบบอกทริคนิดนึงคือ ที่เที่ยวแถบ Gold Coast ทั้งหมดนี้ ไม่ว่าจะเป็นสวนสนุก สวนสัตว์ ขึ้นตึกชมวิว เหล่านี้จะมีร้านทัวร์ขายตั๋วราคาถูกอยู่ในเมือง Gold Coast นะครับ ลองเดินหาดู จะได้ลดราคาจากการไปซื้อแบบ Walk-in 20%-30% เลยทีเดียว เราพึ่งไปเดินเจอร้านทัวร์พวกนี้วันสุดท้ายใน Gold Coast เสียดายมากๆ ครับ อย่าตั๋วเข้าสวนสัตว์ก็รู้สึกจะประหยัดไปได้อีก 10 AUD ถ้าซื้อจากร้านขายทัวร์พวกนี้

เป้าหมายเรา น้องหมีโคอาล่าตั้งซุ้มอยู่ตรงทางเข้าเลยครับ 1 รูป 25 AUD ถ้า 3 รูป 66 AUD ถ้าเอาไฟล์ด้วยบวกเพิ่มรูปละ 2 AUD เราจัดกันไป 3 รูปครับ เค้าคงเห็นเราเหมาเยอะ เลยมาเอามือถือเราไปถ่ายให้ด้วยรัวๆ ได้ไฟล์รูปจากมือตัวเองไปอีกหลาย




ในสวนสัตว์เองก็จะมีสัตว์เจ้าถิ่นหลากหลายครับ ทั้งจิงโจ้ โคอาล่า วอมแบต ทัสมาเนียน หมาดิงโก้ วอลลาบี และนกหลากชนิด รอบนี้ลองเข้าสวนสัตว์ด้วยเลนส์ Tele ดูครับ ระยะ 140-400 mm ของกล้อง Full Frame ได้ภาพมาแบบใกล้ชิดเลยทีเดียว


































 ต่อจากสวนสัตว์เราก็ขับต่อไปแถวโซน National Park กันครับ เล็งไว้ 2 ที่ คือ Tamborine Mountain กับ Springbrook National Park โดยที่แรกอยู่ไม่ไกลมากจากสวนสัตว์ จะไปแวะน้ำตก Killarny Glen แถวๆ Springbrook  National Park กัน ฝนดันตกตลอดทางเลยครับ เท่านั้นยังไม่พอ!!! ทางไปน้ำตกปิดครับ เศร้าเลยงานนี้ เอารูปจาก Internet ไปดูแทนละกันครับ


เนื่องจากฝนตก เราจึงไปหาที่เที่ยวในร่มกันก่อน เป้าหมายต่อไปอยู่แถบ Tamborine Mountain ครับ ไปดูหนอนเรืองแสง (Glow Worm) ในถ้ำกัน อันนี้เป็นแบบคนเลี้ยงครับ ค่าเข้าอยู่ที่ 12 AUD เค้าเล่าให้ฟังว่าเริ่มเลี้ยงไม่กี่ร้อยตัว ตอนนี้ปาเข้าไปเป็นหลายพัน เกือบๆ หมื่นตัวละครับ ตอนแรกคนที่เค้าเตอร์จ่ายเงินบอกห้ามถ่ายรูป แอบเศร้าครับ แต่พอลองถามไกด์ที่พาเข้าไป เค้าบอกถ่ายได้ ห้ามใช้แฟลช แค่นั้นล่ะครับ สบายใจละ อัด Long Exposure กันไปยาวๆ



ฝนยังไม่หยุดตกครับ คนที่ถ้ำหนอนเรืองแสงเค้าแนะนำให้ไปเดินแถบ Gallery Walk ครับ จะเป็นบ้านสวยๆ หน่อย เราไม่ได้ลงรถเดินเพราะฝนตก

Activity อื่นๆ ในแถบนี้ก็จะมีพวก Rain forest walk, Tree top challenge อะไรเทือกนี้ สาย Trekking น่าจะชอบกัน ส่วนเราขอไปต่อหนอนเรืองแสงแบบธรรมชาติที่ Natural Bridge ในเขตอุทยาน Springbrook National Park ครับ พอไปถึงทางเข้า เจอรถบ้านครอบครัวหนึ่ง กับทางเข้าที่ไม่มีอะไรเลย มีแค่ป้ายทางเข้ากับบอร์ดแสดงข้อมูลนิดหน่อย เจ้าหน้าที่ไม่มีสักคน ค่าเข้าก็ไม่ต้องเสีย ยังคุยกับแฟนอยู่เลยครับ ว่ามาถูกที่รึเปล่า มันน่าจะมีเจ้าหน้าที่สิ หรือไม่ก็คนหรือทัวร์มามากกว่านี้




เราเดินเข้าไปซักพักครับ จะเริ่มได้ยินเสียงน้ำตก ระหว่างทางเดินไม่มีไฟนะครับ แนะนำให้เดินเข้าไปช่วงที่แสงอาทิตย์ยังไม่ตก ไม่งั้นบรรยากาศจะมืดและน่ากลัวมาก (แต่ตอนขาออกก็ต้องเดินกลับออกมาแบบมืดๆ นี้อยู่ดีครับ) เตรียมไฟฉายไปด้วยครับ แต่ห้ามเอาไปฉายหนอนเรืองแสงเด็ดขาดนะครับ มันจะตายได้ เดินเข้าไปไม่น่าจะเกิน 500 เมตร ก็ถึงปากถ้ำ Natural Bridge ครับ


เดินขึ้นไปตามทางเดินอีกนิดก็จะเป็นทางลงไปในถ้ำ รอให้มืด แล้วก็ตั้งกล้องถ่ายได้เล้ยยยย เหมือนเดิมนะครับ คือห้ามใช้แฟลชกับหนอนเรืองแสงพวกนี้ ยิ่งมืด ยิ่งเห็นหนอนครับ สักพักทัวร์เดินตามเข้ามากันเต็มเลย (แอบถามค่าทัวร์ที่โรงแรม คิดคนละ 99 AUD สำหรับ การมาดูหนอนเรืองแสงที่นี่ เช่ารถขับมาเองคุ้มกว่าเยอะครับ แถมได้เที่ยวที่อื่นด้วย





ขาออกระหว่างทางมืดมาก และจะเจอหนอนเรืองแสงแฝงตัวอยู่ตามซอกดินข้างทางประปรายครับ มีหยุดดูกันเป็นพักๆ คนทยอยกลับตามเราออกมากันเป็นกลุ่มๆ ตลอดทางครับ ทำให้บรรยากาศครึกครื้นขึ้นหน่อย แต่อย่าหันหลังนะครับ มืดและน่ากลัวมาก เดินไม่ถึง 10 นาที ก็กลับมาถึงหน้าทางเข้า ขับรถกลับ Gold Coast ไม่ถึงชั่วโมงดี แวะเติมน้ำมันก่อนเข้าที่พัก พรุ่งนี้จะได้ตรงไปคืนรถแต่เช้าได้เลยครับ

...................................................................................................................................................



DAY 3
MOVIE WORLD!!!
วันนี้จริงๆ แล้วกะกลับไปเดินเที่ยวชิวๆ ในเมืองบริสเบนครับ แต่แพลนดันงอก 555 เนื่องจากคุณแฟนอยากแวะเที่ยว Movie World ขึ้นมา หลังจากคืนรถที่เช่ามาเมื่อวานเสร็จ เราก็เดินไปหารถบัสที่จะไปยัง Movie World ครับ ระหว่างทางเดินผ่านร้านทัวร์ที่บอกไปในตอนแรกพอดี๊พอดี เห็นป้ายลดราคา จัดไปครับ ค่าตั๋วเข้า Movie World ลดจากคนละ 89 AUD เหลือเพียงคนละ 73 AUD!!! ซื้อสิครับ รออัลลัย ส่วนที่ขึ้นรถบัสอยู่ไม่ไกลจากร้าน รถบัสสาย TX2 ครับ ค่ารถ คนละ 5.7 AUD ถ้าใครซื้อตั๋ว 3 วัน 5 วันมา ก็ขึ้นกันฟรีล่ะครับ ปัจจุบันหลังจากเรากลับมา เท่าที่เห็นในเวบ https://translink.com.au มีการเปลี่ยนแปลงเส้นทางเดินรถแถบ Gold Coast ใหม่นะครับ ลองเช็คกันดูอีกที

และเนี่องจากเราหอบกระเป๋ากันมาด้วยเลย เพราะขี้เกียจกลับมา Gold Coast จึงมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกคนละ 20 AUD เพื่อฝากกระเป๋าใน Movie World ครับ มีตู้หลายขนาด กระเป๋าใหญ่อย่างเราต้องเอา size ใหญ่สุดเท่านั้น ที่ฝากกระเป๋าจะอยู่ด้านในนะครับ ต้องเดินผ่านที่ซื้อตั๋ว และที่ตรวจตั๋วเข้าไปด้านในก่อน จึงจะเจอตู้ล้อคเกอร์ฝากของ


ด้านในนี่เครื่องเล่นหวาดเสียวสำหรับวัยรุ่นอย่างเราเต็มเลยครับ สุดท้ายเรามาคำนวณอายุเราดูแล้ว คิดว่าน่าจะไปเดินดูขบวนพาเหรด เล่นของเล่นสำหรับ เด็ก และ Family น่าจะเหมาะกว่านะ 555 (จริงๆ รู้สึกผ่านช่วงวัยที่อยากเล่นของเล่นหวาดเสียวมาแล้ว เลยไม่เล่นดีกว่า) วันนี้ได้ ฤกษ์ ทดสอบกล้องใต้น้ำ เนื่องจากกล้อง DSLR เรา เลนส์ระยะ 24-70 ซึ่งเป็นระยะทำการทั่วไปได้ตกหล่น และเจ๊งส่งซ่อมอยู่จากทริปพุกามเมื่อเดือนก่อน ยังซ่อมไม่เสร็จดี เลยได้เอากล้องใต้น้ำมาแทนระยะนี้ไปพลางๆ ไปดูรูปใน Movie World กันครับ





















Movie World จะปิดเร็วหน่อยนะครับ สักบ่าย 3 ครึ่งจะมีขบวนพาเหรดที่ Main Street และ 5 โมงเย็นก็ปิดแล้ว เราออกมารอรถบัสสาย 720 เพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟ Helensvale แล้วขึ้นรถไฟต่อไปยัง Brisbane ถ้าใครไม่ได้ซื้อตั๋ว 3 วัน 5 วัน มา เวลาขึ้นรถบัส บอกเค้าว่าจะไปขึ้นรถไฟต่อไปยังบริสเบนเลยนะครับ จะได้ตั๋วราคา 15 AUD มา เพราะถ้าบอกเค้าแค่ว่าไปสถานีรถไฟ Helensvale เวลาไปถึงสถานีรถไฟ ก็ต้องซื้อตั๋วรถไฟอีกที แบบนี้เป็นการซื้อ 2 ต่อ ซึ่งจะแพงกว่านี้ครับ









กว่าจะถึงเมืองบริสเบนก็ค่ำๆ เลย เราออกจากสถานี Central เดินไปโรงแรม เช็คอินกันที่โรงแรม ibis




แล้วเดินข้ามสะพานไปยัง South Bank และ Brisbane Wheel กัน ครับ เสียดายที่ตรงป้ายไฟสัญลักษณ์เมือง บริสเบนปิด ไม่ให้เราเดินเข้าไปใกล้ได้ เลยต้องชะโงกถ่ายจากด้านนอกแทน วิวเมืองบริสเบนตอนกลางคืนริมน้ำนี่ สวยอย่าบอกใครเลยครับ








...................................................................................................................................................


DAY 4
HELLO DOLPHIN

เรารีบตื่นมากินข้าวเช้าตอน 6 โมงเช้ากันครับ และกินอย่างเร่งรีบ เพื่อเรียกแทกซี่ตอน 6:10 ให้ไปส่งยังท่าเรือให้ทันตอน 7 โมงเช้า เพื่อจะออกเรือไป One-day Trip บนเกาะ Moreton หรือ Tangalooma Resort ซึ่งจะมีโปรแกรมป้อนอาหารปลาโลมาในทะเลกันในตอนเย็นครับ การเรียกแทกซี่จากโรงแรมนั้น ทำได้ด้วยเพียงการกดปุ่มหนึ่งปุ่มหน้าเค้าเตอร์ Reception ของโรงแรม รถแทกซี่ของ Black & White Cab ก็จะมารับเราหน้าโรงแรมภายใน 5 นาทีครับ


บนเกาะ Moreton มี Activity หลายอย่างให้ทำ ถ้ามาก่อนเดือนตุลาคม ก็จะมีกิจกรรมล่าปลาวาฬให้ทำด้วยครับ ส่วนของเรานั้น ช่วงเข้าพอไปถึงก็ลงเล่นน้ำ ถ่ายรูปเล่นริมหาดกัน ถัดมากลางวันก็ใช้ Voucher คนละ 20 AUD ซื้ออาหารกลางวันกินบนเกาะ เพื่อรอเรือชมชีวิตสัตว์ทะเลรอบเกาะนี้กันรอบบ่าย กลับมาถึงก็เป็นเวลาพักผ่อนครับ แอบไปงีบในห้อง VIP ของที่ทางเกาะจัดไว้ให้เพื่อรอป้อนอาหารโลมากันในตอน 1 ทุ่ม

























ค่าใช้จ่าย One-day trip อยู่ที่ 199 AUD ครับ รวมทุกอย่างตั้งแต่ค่าเรือ ไป-กลับ ค่าใช้ Facility ในโรงแรม ค่า Marine life tour นั่งเรือดูโลมา เต่า ค่าป้อนอาหารโลมา และรูปถ่าย

...................................................................................................................................................


DAY 5
A JOURNEY TO GREAT BARRIER REEF

วันนี้ได้ตื่นสายกันหน่อยครับ เป็นวันที่จะเดินทางไปยังเมือง Cairns เพื่อจะไปดำน้ำกันที่ Great Barrier Reef กันแล้ววว ระหว่างบินขึ้นเหนือไปยังเมือง Cairns ให้นั่งทางขวาของเครื่องบินนะครับ จะเห็นวิวแนวปะการังมุมสูง








วันนี้เช็คอินกันที่ Pullman Cairns International แล้วออกมาเดินเล่นเล็กน้อย เข้าสำรวจราคาของฝาก ช้อปปิ้งเป็นส่วนใหญ่ แล้วกลับมาจัดหนัก บุฟเฟ่อาหารทะเลที่ได้มากับแพคเกจที่พัก กินฟรีกันไปครับ แฟนกินหอยไป 15 ตัว สดๆ ฟินกันสุดๆ





















































...................................................................................................................................................



DAY 6
GREAT  BARRIER REEF: MICHAELMAS CAY

วันแรกของการดำน้ำที่ Great Barrier Reef เราไปกับเรือของ Ocean spirit ครับ ซึ่งเราได้จองเป็นแพคเกจร่วมกับที่พัก และอาหารเมื่อคืนไว้ เข้าใจว่าการดำน้ำที่นี่ เรือแต่ละบริษัท ก็จะมีจุดดำน้ำของตัวเองแยกกันไป ไม่ปะปนกันครับ ดังนั้นหายห่วงเรื่องนักท่องเที่ยวจะมาชนกันหลายๆ กรุ้ปไปได้ ท่าเรือนั้นจะอยู่ใกล้ๆ กับ โรงแรม Pullman เลยครับ เดินไป 5 นาทีถึง ออกจากโรงแรมเลี้ยวซ้าย เจอสี่แยกเลี้ยวขวา เดินตรงดิ่งก็ถึงเลยครับ โปรแกรมดำน้ำที่ Great Barrier Reef (GBR) นี้เรทราคาจะอยู่ที่ราวๆ 200 AUD บวกลบครับ แล้วแต่เจ้า ซึ่งแต่ละเจ้าก็พาไปคนละที่กัน อย่างที่บอก สำหรับเรือของ Ocean spirit นั้นจะพาเราไปดำน้ำที่ Michaelmas cay ซึ่งเป็นเนินทรายยาวประมาณ 200 เมตรครับ บนเนินทรายมีนกอาศัยอยู่เพียบบบบบ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งจากฝั่ง ถ้าจำไม่ผิด




การดำน้ำจะเป็นการดำ Snorkeling บริเวณหน้าสันทรายครับ น้ำตรงนี้ค่อนข้างตื้น และใสมาก เห็นปะการังกันชัดเจนมาก ที่สำคัญคือไร้หอยเม่นแบบบ้านเราครับ ปลอดภัยไร้กังวล สำหรับชุด Snorkeling และ Wetsuit นั้นจะรวมอยู่ในแพคเกจแล้วครับ เค้าแนะนำว่าช่วงนี้เริ่มเข้าหน้าฝน ถึงแม้จะยังไม่ใช่หน้าแมงกะพรุน แต่มีโอกาสที่จะเจอสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่อาจทำให้เราแพ้ได้ แล้วจะหมดสนุกกับการดำน้ำครับ เค้าจึงแนะนำให้ใส่ Wetsuit กันทั้งตัวเลย ข้อดีอีกอย่างคือไม่ต้องกลัวดำ อีกอย่างนึงที่ห้ามพลาดคือฟินครับ รวมอยู่ในแพคเกจแล้วเช่นกัน อย่าประมาทกระแสน้ำที่ GBR เชียวครับ ใส่ฟินติดเท้าไว้ ตีขาสบายขึ้นเป็นกอง





ดำออกไปหน้าหาดนิดเดียวก็จะถึงแนวปะการังแล้วครับ สวยงามมาก ต้องขอบคุณแสงแดดในวันนี้ ตอนแรกครึ้มฟ้าครึ้มฝน พยากรณ์บอกอากาศจะเน่า เกือบจะเป็นวันเศร้าไปแล้วครับ วันแรกกับ GBR ของเราอากาศดี๊ดีย์ แดดแผดเผา สมกับพึ่งเข้าหน้าร้อนของเค้า ความสวยงามยังไม่เท่าไหร่ แต่ความยิ่งใหญ่ได้ใจพี่ไปเร้ยยยยย ปะการังไกลสุดลูกหูลูกตาจริงๆ ยิ่งลงเรือ submersible เห็นต่ำกว่าระดับน้ำทะเลลงไปประมาณ 1 เมตร ยิ่งเห็นความยิ่งใหญ่ของปะการังที่นี่ จริงๆ ยังมีรูปอีกเพียบ แต่ว่าเอาอันที่ white balance ดีๆ ลงดีกว่าเนอะ




































หลังจากนั้นเราก็กลับขึ้นมาทานข้าวบนเรือครับ (รวมอยู่ในแพคเกจ)


ช่วงประมาณ บ่ายโมงครึ่งเป็นรอบเรือ Submersible ที่เราจองไว้ เจ้านี่ก็รวมอยู่ในแพคเกจครับ ภายในห้องใต้เรือ จะเป็นห้องกระจก ลึกจากผิวน้ำลงไปประมาณ 1 เมตร นั่งเจ้านี่วนรอบปะการังยิ่งทำให้เราสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ของ GBR ครับ ปะการังไม่ใช่มีแค่บนพื้น แต่เป็นเขายื่นขึ้นมาจากพื้น เต็มไปด้วยปะการัง ขนาบสองฝั่งเรือ ในเรือจะถ่ายรูปค่อนข้างยากเพราะต้องถ่ายผ่านกระจกครับ แสงไม่ค่อยสวย ไม่เอามาโชว์ละกันนะ เอาเป็นว่า ถ้าใครมา ห้ามพลาดลงเรือ Submersible นี้เป็นอันขาด เพราะไม่งั้นอาจจะไม่ได้สัมผัสความยิ่งใหญ่ของ GBR นะจ้ะ



เรากลับถึงที่พักเกือบๆ 5 โมงเย็น พร้อมกับความรู้สึกที่ว่า พรุ่งนี้มันต้องแซ่บกว่านี้สิ เราจะไปขี่ Scooter ใต้น้ำกัน!!!! คิดได้ดังนั้น ก็อยากอัพเกรดกล้อง อยากมีแฟลชแรงๆ สักตัวมาติดครับ เพราะเดาว่าการขี่ Scooter ลงไปใต้น้ำนั้น ด้วยความลึกจะทำให้ความใสของน้ำนั้น ไม่เท่ากับการ Snorkeling ถ่ายรูปวันนี้ เราจึงเข้าไปถามร้านเช่ากล้องใต้น้ำ ข้างๆ ที่ซื้อตั๋วเรือครับ ว่ามีอะไรขายบ้างรึป่าว เค้าบอกเราว่า ร้านเค้าปล่อยเช่าอย่างเดียว แต่ในเมืองนี้มีร้านขายอยู่นะ เป็นร้านเดียวในเมืองครับ ได้ความดังนั้นก็รีบถามทาง และจ้ำสุดฤทธิ์เพื่อไปยังร้านขายกล้องใต้น้ำในเมือง Cairns เพราะเค้าจะปิด 6 โมงเย็น

ไปถึงร้าน สอบถามราคา แฟลชใต้น้ำ เจอราคาเข้าไป แพงกว่าไทยอี้กกกกกก เป็นอันล้มโปรเจคไป มันต้องมีอะไรเหมาะกับเราให้ซื้อไว้ใช้วันพรุ่งนี้ได้สิ เดินดูของเล่นๆ ในตัวร้านคุณลุงดีกว่า ป้าดดดดดดดเหลือบไปเจอฟิลเตอร์แดงครับ มีไซส์ที่พอดีกับ Housing กลัองซะด้วย เลยจัดไปครับ เบ็ดเสร็จ 85 AUD ไว้ช่วยปรับ white balance ใต้น้ำ เดี๋ยวไปดูกันในวันพรุ่งนี้ ว่ากล้อง Olympus TG-5 + ฟิลเตอร์แดงร้านคุณลุงเมือง Cairns มันจะแจ่มเด้งขนาดไหนกันเชียว

...................................................................................................................................................



DAY 7
GREAT  BARRIER REEF: NORMAN REEF

วันนี้จริงๆ เป็นวันว่างของเราในเมือง Cairns ครับ เราจึงต้องหาอะไรทำ ซึ่งแน่นอนว่าเราคงไม่พลาดการไปขี่ Scooter ใต้น้ำเป็นแน่ จากการทำการบ้านของพวกเรา พบว่า Scooter ใต้น้ำ มีแค่เรือเจ้า Great Adventure เจ้าเดียวครับที่มี แต่ว่ากันว่าแบรนด์นี้ ทัวร์จีนลงเยอะ แล้วก็เยอะจริงๆ ครับ แหะๆ แต่เราอยากจะขี่ Scooter กันครับ จะไปสนทัวร์จีนทำไมเนอะ จึงลงเอยที่เจ้านี้ที่ราคาแพงหน่อย 200 กว่าๆ AUD แถมต้องจอง Scooter ที่เค้าเรียกกันว่า Scubadoo อีกคนละ 130 กว่าๆ AUD กระเป๋าแทบฉีก ราคานี้เหมือนเดิมครับ รวมค่าชุด Wetsuit, Fin, Snorkel เรียบร้อย และมีเรือ Submersible เหมือนเดิม

ท่าเรืออยู่ที่เดียวกับเมื่อวานครับ แค่อย่าขึ้นเรือผิดลำเท่านั้น เรือของ Great Adventure จะพาคนส่วนนึงไปดรอปลงที่ Green Island ก่อนครับ แล้วจึงเดินทางต่อไปยัง Norman Reef


ใช้เวลาประมาณชั่วโมงนึงก็มาถึง Pontoon หรือ Platform กลางทะเลในโซนที่เรียกว่า Norman Reef แล้วครับ เดี๋ยวเราจะลงไปลุยด้วยเจ้านี่กัน




Scubadoo จะมีเป็นรอบๆ นะครับ ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่และจ่ายเงินตั้งแต่บนเรือ รอบนึงกินเวลา 20 นาที สำหรับที่ Norman Reef จะมี Scuba diving ให้ซื้อเพิ่มด้วยก็ได้ ปะการังแถบนี้จะไม่เหมือนกับเมื่อวานครับ เหมือนเอาเรามาปล่อยกลางน้ำลึก ที่ด้านล่างมีซอกหิน และแนวหินปะการังอันยิ่งใหญ่อยู่ แน่นอนว่าเท้าเหยียบไม่ถึงพื้น และปะการังข้างใต้นี้ดูยิ่งใหญ่มากจริงๆ ครับ ยิ่งใหญ่กว่าเมื่อวานหลายเท่า ที่ Norman Reef นี่ดูไปดูมาจะเหมาะกับการ Scuba diving มากกว่า Snorkeling ครับ แต่ไหนๆ เราก็มีฟิลเตอร์แดงติดลำกล้องมาแล้ว Snorkeling ดูปะการังลึกๆ ก็ทำให้สวยได้ครับ ไม่ต้องดำลงไป Scuba ให้เปลืองเงิน ไปดูรูปกันดีกว่าครับ




























วันนี้กลับถึงเร็วกว่าเมื่อวานครับ มีเวลาไปเดินเล่นในเมืองต่อ ดูค้างคาวแม่ไก่ และนกแก้วตามต้นไม้ใหญ่แถวๆ McDonald แล้วกลับโรงแรมพักผ่อนครับ วันรุ่งขึ้นเราจะบินกลับบริสเบนกันแล้วเข้าเมืองไปช้อปปิ้ง ซื้อของฝากพวกวิตามินครับ และบินกลับกรุงเทพฯ เลยในคืนวันพรุ่งนี้ จบทริปนี้กันไปก่อนด้วยรูปคู่ใต้น้ำของเรา แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้าเร็วๆ นี้ครับ


...................................................................................................................................................














DJourney

No comments:

Post a Comment

Instagram